บริษัท ศูนย์ท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา ( ศ.ท.ศ. ) จำกัด 46 ปี แห่ง ความภาคภูมิใจ ในบริการ
คุณอยู่ที่หน้า หน้าแรก  ข้อมูลท่องเที่ยวทั่วไทย  วันเดียว ขับรถเที่ยวสมุทรปราการ  
  เริ่มต้นที่นี่
 บริการท่องเที่ยว ออนไลน์
 ข้อมูลท่องเที่ยวทั่วไทย
 สาระความรู้
 สมัครสมาชิก
 ข่าวท่องเที่ยว ประชาสัมพันธ์
 ประวัติบริษัท
 ติดต่อเรา
 
  ความรู้เพิ่มเติม
  + ข้อมูลจังหวัด
  รายการนำเที่ยว ที่เกี่ยวข้อง
  บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง  
  
  บัตรเช้าชมพิพิธภัณฑ์
 ช้างเอราวัณ จ. สมุทรปราการ

  
  +
 บัตรเข้าชมฟาร์มจระเข้
 และสวนสัตว์สมุทรปราการ
  ที่พัก ในบริเวณนี้
    
  + โรงแรม The Color Living
    
  + Monmanee Hotel
    
  + Grand Inn Come Hotel
  พยากรณ์อากาศ
  รูปสวยๆ
 
 
 เรื่อง: ต้นกล้า   ภาพ: ต้นกล้า
วันเดียว ขับรถเที่ยวสมุทรปราการ ช้างเอราวัณ ฟาร์มจระเข้ เมืองโบราณ สถานตากอากาศบางปู


คุณคิดว่าเงิน 600 บาททำอะไรได้ วันนี้ผมกับเพื่อนขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพฯ ที่ทุกท่านสามารถไปหา
ความตื่นเต้นสนุกสนานและพักผ่อนในเวลาเพียง1วันโดยที่ใช้งบประมาณไม่มากนัก เอาล่ะตามผมมากันเลยครับ

เราเริ่มต้นการเดินทางโดยขับรถขึ้นทางด่วนที่ด่านเก็บเงินดินแดง ขับรถวิ่งเหมือนจะไปลงทางด่วนที่บางนา
แต่ก่อนถึงทางลงสักพักจะมีป้ายบอกทางให้ไปลงที่สมุทรปราการทางด้านซ้ายมือ เราขับไปทางนี้ได้เลยครับ
พอขับตามที่ป้ายบอกมาเราจะขับเหมือนเลี้ยวขวาซึ่งจะนำเรามาสู่ถนนสุขุมวิทครับ
จากนั้นวิ่งตรงไปเรื่อยๆผ่านอิมพีเรียลเวิร์ลสำโรง ผ่านแยกถนนเทพารักษ์ วิ่งต่อไปอีกสักพักพอเลยคาร์ฟูร์มา
ให้เตรียมชิดซ้าย จะมีป้ายบอกทางให้เลี้ยวเข้าไปยัง "พิพิธพัณฑ์ช้างเอราวัณ"
(ระวังจะขับเลยนะครับทางเข้าจะอยู่ก่อนทางขึ้นวงแหวนรอบนอกนิดเดียวครับ)


พอลงจากรถเท่านั้นแหละพวกเราตะลึงกับความใหญ่โตของตัวช้างเอราวัณสามเศียรยักษ์
มารู้จากวิทยากรที่หลังว่าตัวช้างรวมอาคารมีความสูงถึง43.60 เมตร มีน้ำหนักรวมเฉพาะที่ช้างหนักถึง250ตัน (โอ้โฮ้!)
เอาล่ะตามพวกเรามาได้เลยครับ เริ่มที่ชั้นใต้ดินหรือที่เรียกว่า “ชั้นบาดาล” ซึ่งเป็นที่อาศัยของเหล่าพญานาค
ที่เฝ้าดูแลรักษาสมบัติของแผ่นดิน โดยมีการจัดแสดงนิทรรศการและโบราณวัตถุจำนวนมาก อาทิ พระพุทธรูป
เทวรูปสมัยต่าง ๆ และเครื่องลายครามของจีน ส่วนที่ 2 คือ ส่วนล่างของตัวช้างที่เป็นฐานมีลักษณะเหมือนโลกมนุษย์หรือ
“เขาพระสุเมรุ” การตกแต่งภายในเป็นการผสมผสานศิลปะหลากหลายรูปแบบ เช่น การใช้กระจกสีแบบศิลปะตะวันตก
เครื่องเบญจรงค์สลับลวดลายสอดสี การดุนโลหะบนแผ่นดีบุกของช่างเมืองนครศรีธรรมราช และรูปปั้นโบราณชนิดต่าง ๆ
อาทิ คนธรรพ์บรรเลงดนตรี รูปพญานาค ของช่างเมืองเพชร ตรงกลางประดิษฐานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือ
“เจ้าแม่กวนอิม” โดยมีบันไดเงินบันไดทองขนาบอยู่ทั้งสองข้าง

 

ส่วนที่ 3 คือ ส่วนของตัวช้างหรือ “สวรรค์ชั้นดาวดึงส์” การที่จะขึ้นมายังชั้นนี้จะต้องเดินขึ้นบรรได66ขั้น
(ท่านที่สุขภาพไม่ดีมีลิฟท์ให้ขึ้นครับ) โดยบริเวณฝาผนังรอบบันไดทางขึ้นจะมีภาพเขียนรูปเทวดาต่างๆ
ทำให้เหมือนเดินขึ้นสวรรค์จริงๆเลย เมื่อขึ้นมาถึงบริเวณท้องช้างจะพบกับพระพุทธรูปลีลาเป็นพระประธาน

 
พระพุทธรูปลีลาเป็นพระประธาน เหนือพระประธานมีพระพุทธสิหิงค์จำลองกับเจดีย์จุฬามณี

ซึ่งภายในพระเศียรมีพระบรมธาตุบรรจุอยู่ด้วย เหนือพระประธานมีพระพุทธสิหิงค์จำลองกับเจดีย์จุฬามณี
จัดแสดงอยู่ซึ่งตรงกับบริเวณของคอช้าง ในส่วนด้านล่างมีพระพุทธรูปสมัยต่างๆจัดวางเรียงรายอยู่ทั้งสองข้าง
และด้านบนจะมีภาพเขียนสีฝุ่นภาพสุริยจักรวาล
อ้อก่อนกลับอย่าลืม...ลงมานมัสการช้างเอราวัณเพื่อเป็นสิริมงคลแก่การเดินทางครับ

ออกจากพิพิธพัณฑ์ช้างเอราวัณ วิ่งมุ่งหน้าเข้าสู่อำเภอเมืองสมุทรปราการเลย หอนาฬิกามาหน่อยจากนั้นเลี้ยวซ้ายไปตาม
ถนนสุขุมวิท ผ่านบิ๊กซีด้านขวามือไปสักพักจะเจอทางเข้าด้านขวา  เข้าสู่ "ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ" ครับ 
เมื่อเราเข้ามาในตัวฟาร์มก็จะพบกับ โอ๊วพระเจ้าจอร์จ.....มันเยอะมาก จระเข้นับหมื่นๆ ตัวนอนอยู่ในบึงขนาดใหญ่
ที่เราสามารถเดินบนระเบียงวนที่อยู่เหนือบึงเพื่อเดินชมรอบบึงได้ จระเข้แต่ละตัวมีความยาวไม่ต่ำว่า2เมตร
และถ้าท่านโชคดีจะได้เห็น “เจ้าใหญ่” จระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีซึ่งความยาวถึง 6 เมตร

 

บนระเบียงนี้เราสามารถให้อาหารจระเข้ได้ด้วยตนเอง โดยการซื้อเนื้อไก่สดซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมไว้ให้บริการ
ปั๊บ....เสียงจระเข้กระโดดขึ้นมางับเนื้อไก่ที่เราโยนให้ เสียงของการงับที่มีแรงประมาณ 6,000 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
นี่มันสะใจจริงๆ จากนั้นเราก็ไปดูการแสดงจระเข ้ ที่นี่เราได้พบกับการแสดงที่น่าตื่นเต้นระทึกใจ
พี่ๆ คนแสดงจับจระเข้ตัวยาวกว่า 2 เมตร มาแสดงให้เราดูด้วยการเอามือเข้าไปในปากจระเข้ ล้วงคอจระเข้
และที่สุดยอดคือเอาหัวตัวเองเข้าไปอยู่ในปากจระเข้ อุ๊ย...พูดแล้วเสียวแทน


การแสดงโชว์จระเข้ของที่นี่จะมีทุกๆชั่วโมง ท่านใดที่มาแล้วก็อย่าพลาดนะครับ

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีการแสดงช้างแสนรู้ที่น่ารักมากๆ พร้อมกับสัตว์อื่นๆอีกหลากหลายชนิดภายในบริเวณของฟาร์ม
ที่นี่ยังมีสวนนกและพิพิธพัณธ์ไดโนเสาร์ให้เด็กๆได้ดูอย่างสนุกสนาน
พวกเราได้ถ่ายรูปกับเสือและลิงซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เตรียมไว้ด้วย
ก่อนกลับเราก็ไม่ลืมแวะซื้อของฝากเล็กๆน้อยๆ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหนังจระเข้ติดมือกลับบ้าน

จากฟาร์มจระเข้วิ่งตามถนนสุขุมวิทขาออกไปประมาณ 10 นาที (ช่วงกิโลเมตรที่33) ก็จะเจอทางเข้าด้านซ้ายมือไปยัง
"เมืองโบราณ" ซึ่งในปัจจุบันนี้ที่นี่ถือได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า800ไร่
พร้อมปูชนียสถานที่สำคัญๆ ถึง 116 แห่ง (และกำลังสร้างเพิ่ม) ทำให้นึกถึงสโลแกน“
ภาพสะท้อนของวัฒนธรรมดั่งเดิมอันหลากหลายบนผืนแผ่นดินไทย
ด้วยการนำเสนอในรูปแบบที่เป็นจริงและวิจิตรตระการตา” .....ที่นี่เค้าทำให้เราเห็นได้จริงๆครับ เอาล่ะตามมาเลยครับ

การเข้าชมเมืองโบราณสามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน จะขับรถยนต์เข้าไปเอง ขี่จักรยานที่เตรียมไว้บริการ
หรือจะนั่งรถรางตากลมเย็นๆ ที่ทางเมืองโบราณเตรียมไว้ก็ได้ครับ (ถ้าเลือกนั่งรถรางนี่มีไกด์ด้วยนะครับ)
สำหรับพวกเราเลือกที่จะขับรถเข้าไปเองครับ แค่มาถึงทางเข้าเราก็อดแปลกใจไม่ได้กับประตูทางเข้าแบบโบราณ
ที่จำลองมาจากประตูเมืองเชลียงที่สุโขทัย พอขับรถเข้าไปนั้นเราสังเกตตามแผนที่ที่ได้รับแจกมาว่า
พื้นที่ภายในเมืองโบราณนั้นเหมือนประเทศไทยหรือรูปขวานทองจริงๆ
เริ่มแรกเราขับรถเข้าจากทางภาคใต้ จะเห็นพระบรมธาตุ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีศิลปะแบบลังกา
ขึ้นมาอีกหน่อยจะพบกับศาลาการเปรียญ วัดใหญ่สุวรรณาราม ซึ่งมีรอยดาบที่พม่าฟันไว้ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา
ผ่านมาแถวอยุธยาจะได้พบกับปราสาทหลังงาม นั่นก็คือ “พระที่นั่งสรรเพชรปราสาท” ซึ่งของจริงนั้นเหลือแต่ตัวฐาน
แต่ที่นี่นำมาสร้างใหม่โดยนำแบบจากภาพเขียน จดหมายเหตุ และพระราชพงศาวดาร ทำให้ได้รูปแบบเค้าโครง
ที่เหมือนจริง มีหลังคามุงด้วยดีบุกสีเงินดูแล้วงามตา ถัดมาแวะกราบพระพุทธบาท จ.สระบุรี จากนั้นมุงหน้าขึ้นเหนือ
ชมความงามของ พระปรางจุฬามณี จ.พิษณุโลก พระมหาธาตุเจดีย์ จ.สุโขทัย วิหารเมืองสะเมิง เจดีย์เจ็ดยอด
จ.เชียงใหม่ พระธาตุจอมกิตติ จ.เชียงราย และสุดท้าย แวะกราบพระที่วิหารภูมินทร์ จ.น่าน

 

จากนั้นวนซ้ายเป็นวงกลมเข้าสู่ภาคอีสาน สัมผัสศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านของที่นี่ แล้วขับรถต่อไปชม พระธาตุพนม
จ.นครพนม ปราสาทเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ปรางค์ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ปราสาทหินพิมาย จ.นครราชสีมา
ที่สร้างได้อย่างตระการตา ปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ ปราสาทศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์ และปราสาทสด๊กก๊อกธม
จ.สระแก้ว จากนั้นเลี้ยวรถกลับเข้าสู่เส้นทางเดิมมายังภาคกลางแวะชมตลาดโบราณซื้อของฝากต่างๆ
ที่ชนให้นึกถึงวิถีชีวิตสมัยเด็กๆ ทั้งร้านตัดผม โรงหนังใหญ่ และอื่นๆอีกมากมาย
พวกเราอยากจะบอกว่าที่กล่าวมานี่ยังไม่ถึง 1 ใน 3 ของสถานที่ต่างๆ ที่สร้างเอาไว้เลย
ท่านใดที่มีเวลาเหลือก็แนะนำให้เที่ยวชมให้ครบนะครับ ท่านจะได้สัมผัสชีวิตของคนไทย
และได้รับความรู้กลับไปมากมายเลยครับ


หลังจากเที่ยวมาทั้งวันแล้ว แรงก็เริ่มจะหมด เราไปหาอาหารอร่อยๆทานกันดีกว่าครับ
ขับรถออกจากเมืองโบราณไปตามถนนสุขุมวิทขาออกอีกประมาณ15นาที ทางด้านขวามือก็จะพบกับแหล่งพักผ่อน
สุดคลาสสิก นั่นก็คือ “สถานพักตากอากาศบางปู” สถานที่แห่งนี้ดูในความดูแลของทหาร โดยก่อสร้างเมื่อสมัยจอมพลป.
ครับ เพื่อที่จะได้เป็นที่พักตากอากาศที่อยู่ใกล้กับกรุงเทพ พวกเราขับรถแล่นไปตามสะพานแล้วจอดรถบนสะพาน
นั่นแหละครับ ลงจากรถมาถ่ายรูปนกนางนวลนับพันๆ ตัวที่บินอยู่เหนือสะพานชายทะเลบางปู
ช่วงนี้กระซิบนิดนึงว่าอย่าลืมเข้าไปจองโต๊ะอาหารนะครับ เดี่ยวคืนนี้จะไม่มีที่ทานอาหารกัน


"ศาลาสุขใจ" หรือ อาคารสโมสรที่เป็นร้านอาหารของสถานพักตากอากาศบางปู

ห้องอาหารที่นี่อยู่ที่ศาลาสุขใจซึ่งแบ่งเป็น 2 ฝั่งครับ เหมือนๆ แขนยื่นออกไป 2 ข้าง
ส่วนตรงกลางเป็นห้องโถงกว้างไว้จัดเลี้ยงหรืออาจมีงานเต้นรำ ประมาณในหนังเรื่องปริศนา (เค้าถ่ายทำกันที่นี่แหละครับ)
เดินเลยออกมาจากห้องอาหารจะพบกับระเบียงไว้ให้ยืนถ่ายรูป อยากจะบอกว่ามุมตรงนี้สวยมากๆครับ
โรแมนติกมากยิ่งช่วงพระอาทิตย์จะตกน้ำด้วยแล้วพลาดไม่ได้ครับ

หลังจากทำตัวเป็นนายแบบนางแบบกันมาทั้งวันแล้ว
ก็ถึงเวลาเติมพลังกันแล้วล่ะครับ เมนูสุดอร่อยที่ขอแนะนำ
เริ่มด้วยอาหารทานเล่น อย่างขนมจีบกุ้ง-ปู ซาลาเปาอุ่นๆ
จนถึงอาหารหลักอย่าง ปลากะพงนึ่ง ปูผัดผงกะหรี่ สมตำปู
แกงจืดเต้าหู้สาหร่ายและอื่นๆอีกมาก

จากการที่ผมมาที่นี่เป็นครั้งแรกต้องบอกว่าอาหารอร่อย
มากครับ ที่สำคัญราคาไม่แพงด้วยครับเมื่อเทียบกับคุณภาพ
และปริมาณขนาดนี้ ก่อนกลับอย่าลืมแวะซื้อข้าวเกรียบกุ้ง
เป็นของฝากกลับบ้านนะครับ

ในขากลับนี้จะกลับตามเส้นทางเดิมเพื่อไปขึ้นทางด่วนที่
ด่านเก็บเงินบางนาก็ได้ครับ หรืออาจวิ่งตรงกลับมาแล้วเลี้ยว
ขึ้นสะพานด้านขวาเพื่อวิ่งกลับทางถนนศรีนครินทร์ก็ได้ครับ

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่าน ที่ให้ความสนใจ
นะครับ หวังว่าเราจะได้เจอกันใหม่ในทริปหน้านะครับ
โชคดีในการเดินทางครับ

 
บริษัท ศูนย์ท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา ( ศ.ท.ศ.) จำกัด  ใบอนุญาตเลขที่ 11/623
Education Tour Centre (S.T.S.) Company Limited  T.A.T. License 11/623
221/1-2 Moo. 5 Srinakarin Rd. ,Somrong Nua ,Muang , Samutprakarn 10270 Thailand
Tel. (+662) 758 5035 - 8  Fax.
(+662) 758 6296