บริษัท ศูนย์ท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา ( ศ.ท.ศ. ) จำกัด 45 ปี แห่ง ความภาคภูมิใจ ในบริการ
คุณอยู่ที่หน้า หน้าแรก  ข้อมูลท่องเที่ยวทั่วไทย  วัดใต้น้ำ สังขละบุรี   
  เริ่มต้นที่นี่
 บริการท่องเที่ยว ออนไลน์
 ข้อมูลท่องเที่ยวทั่วไทย
 สาระความรู้
 สมัครสมาชิก
 ข่าวท่องเที่ยว ประชาสัมพันธ์
 ประวัติบริษัท
 ติดต่อเรา
 
   เมนู พิเศษ

  ความรู้เพิ่มเติม 
  + ข้อมูลจังหวัด
  + เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย
  รายการนำเที่ยว ที่เกี่ยวข้อง
  ที่พัก ในบริเวณนี้
  พยากรณ์อากาศ
  รูปสวยๆ

 
 
วัดใต้น้ำ สังขละบุรี


สะพานๆไม้ อุตมานุสรณ์ สิ่งสำคัญในการเดินทางข้ามแม่น้ำซองกาเลีย ของชาวสังขละ

ประมาณ 2 ปีมาแล้ว ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้โปรโมท สถานที่ท่องเที่ยว unseen ซึ่ง เป็นที่ฮือฮามากเพราะ ได้นำเอาสถานที่ท่องเที่ยว ใหม่ๆมาให้คนไทยได้รู้จักและไปเที่ยวกัน หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้น คือ วัดใต้น้ำ แห่ง อ. สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่ง ผมจะถือโอกาส นำพาทุกๆท่านไปเที่ยวชมกันในวันนี้ โดย วัดใต้น้ำนี้ จัดเป็น unseen 1

ผมเองได้มาที่นี่หลายครั้งหลายครา และ ในแต่ละครั้งก็ไม่เคยมีครั้งไหนๆเหมือนครั้งนี้เลย เพราะอะไรหรือครับ ผมจะเล่าให้ฟัง

ภาพวิถีชิวิตในบริเวณ สามประสบ มีแพให้นักท่องเที่ยวมาเช่าพักมากมาย

ผมเดินทางมาถึงที่อ.สังขละบุรี เวลาประมาณ เที่ยง หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวที่จะลงเรือ บริเวณ สามประสบ เรือที่ผมจะโดยสารไปนั้น เป็นเรือหางยาว แบบ ชาวบ้านๆ ที่ไม่มีหลังคา ใช้เครื่องยนต์ 2 จังหวะ ในการขับเคลื่อน มีร่มให้คนละ 1 คัน เผื่อกันแดดกันฝน นับว่ามีมาตราฐานมากครับ เพราะเรือนั้น มีเสื้อชูชีพให้ใส่ด้วย เพราะเท่าที่ท่องเที่ยวมาทั่วไทยแล้ว พบว่ายังมีน้อยที่มากที่มีเสื้อชูชีพ ให้ใส่โดยไม่ต้องเรียกหา แถม อยู่ในสภาพใหม่อีก เมื่อได้วลา ก็ออกเรือกันเลย โดยการล่องเรือสู่ วัดใต้น้ำ นั้นใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง เราจะได้ชมธรรมชาติ และ วิถี ชีวิต ที่เรียบง่ายของชาวสังขละ ระหว่างทาง ซึ่งอย่างที่ผมได้บอกไว้ในตอนแรกว่าวันนี้ ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ เพราะ ว่าวันนี้น้ำน้อยครับ น้ำในแม่น้ำแห้งลงอย่าง เห็นได้ชัดเจน นั่นคือเหตุที่ทำให้ผมรีบมาที่นี่ถึงแม้จะเป็นหน้าฝนก็ตาม เพราะ ไม่ว่าจะมากี่ครั้ง การชมวัดใต้น้ำนั้น เราไม่สามารถ เห็น โบสถ์ ทั้งหลังได้เลย แต่คราวนี้ผมจะได้ลงไปเดินเที่ยวแล้วครับ

ลุงเณร ผู้พาผมไปเยือนวัดใต้น้ำ เช่นเคย

ระหว่างสายตาก็เพลิดเพลินสอดรู้ ไปกับบ้าน และ เรือนแพ บนแม่น้ำ บางมุมมอง นั้นแปลกตาดี เพราะมีต้นไม้ยืนตาย โผล่พ้นน้ำขึ้นมามากมาย ชาวบ้านกำลัง ออกเรือ หาปลา เพื่อ ประทังชีวิต ช่างเป็นวิถีที่เรียบง่าย และน่าสนใจยิ่งนัก เมื่อนั่งเรีอเพลินๆ ก็คุย กับลุงเณรเจ้าของเรือ และกิจการแพพัก แพล่อง คุยกันสักพัก ลุงก็ชี้ให้หันหลังไปดูอะไรสักอย่าง แทบไม่เชื่อสายตาตนเองเลยครับ ท้องฟ้ามืดมาก เมฆทุกก้อน มีสีดำ ราวกับถูกอะไรเคลือบทับบดบัง ความมีสีสันเอาไว้ ฝนกำลังจะมา ผมคิดในใจวันนี้ งานผมล้มเหลวแน่นอนเลย เพราะท่าท่างฝนจะตกหนัก แต่คงไม่มีทางเลือกครับ เพราะ อีกอึดใจก็จะถึงวัดแล้ว ต้องไปให้ทันก่อนฝนตก ไม่เช่นนั้นคงเปียกแน่นอน

ฝนที่มาอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่แดดจัดมาก เลยได้ภาพแบบนี้ครับ

เจดีย์ พุทธคยาจำลอง ของวัดวังก์วิเวการาม ใหม่

เมื่อมาถึง ตัววัด สิ่งแรกที่ต้องทำคือวิ่ง แล้วก็วิ่งให้เร็วขึ้น เพราะ ฝนเริ่มโปรยปรายมาแล้ว กุฏิ เก่าของหลวงพ่อ อุตมะ คือที่พึ่งพิงของผม ในวันนี้ รอจนกว่าฝนจะหยุดตก โชคดีนะครับที่ น้ำน้อยไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางไหนในการหลบฝนได้ แต่หลังจากที่พิจารณาจากความมืดมน ของท้องฟ้าแล้วก็เลยตัดสินใจ วิ่งต่อไปยัง อุโบสถ แทน เพราะ ถ้าฝนไม่หยุดอย่าง น้อย จะได้ภาพมาบ้าง ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ฝนยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ ครับ ผมเลยต้องนั่งรอไปเรื่อยๆ ไปแอบ ซุกตัวอยู่ บริเวณ ช่องหน้าต่างของอุโบสถ ซึ่ง ถ้านี่ไม่ใช่วัดร้าง คงเป็น กริยาที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง นัก กลางสายฝน พลางใจก็คิดมองเห็นสิ่งหนึ่ง ที่ซ่อนอยู่ในเวลานั้น วัดถึงแม้จะร้าง ก็ยังคงเป็นที่พึ่งกับคนได้ทั้งทางกายและ ใจ และ ก็เห็นจะเป็นเช่นนั้นจริงๆเสียด้วย

ฝนที่ลงหนัก ทำให้ดูเหมือนหมอก ลง ยาวออกไปสุดลูกตา

จากช่องหน้าต่าง ที่พักหลบฝนชั่วคราว

ในที่สุดเวลาของผมก็น้อยลงๆ เพราะต้องเดินทางต่อไปที่อื่นๆอีก ผมจึงจำใจต้องอำลา ที่แห่งนี้ไป พลางหยิบร่ม แล้ววิ่งๆเดินๆ เท่าที่จะทำได้ เพื่อลงเรือกลับ ขณะนั้น ฝนเบาลงมาก ทำให้ไม่เปียกมากนัก ภาพสุดท้ายที่ได้เห็นคงเป็น ภาพของ โบสถ์เก่า และ ร้าง ซึ่ง ยังคงยืนหยัน อยู่ ต่อสู้ไม่ว่าจะเวลา น้ำท่วม หรือ ฝนตก เพื่อยังประโยชน์ ให้กับผู้คน ต่อไป ไม่ว่าจะด้านท่องเที่ยว หรืออะไรก็ตาม หากวัดนี้ เกิดพังทลายลง ชาวบ้านคงต้องขาดรายได้จากการท่องเที่ยว เป็นอย่างมากแน่นนอน ผมเอง ก็ตั้งใจว่าจะต้องกลับมาที่นี่ อีกแน่นอน ว่าแล้วก็ลงเรือ แล้วเดินทางกลับเพื่อไปยัง จุดหมาย ต่อไป

ก่อนจากกันไปผมคงต้องขอฝาก ให้ทุกท่าน ที่มีเวลาว่างแวะไปท่องเที่ยวที่นี่ กันมากๆนะครับ เพราะ ชาวบ้าน จะได้มีรายได้และ ลูกหลานไม่ลงมาทำงานที่กรุงเทพฯ กันหมด สวัสดีครับ

สีสันวันฝนพรำ

 

เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย
ที่มาของชื่อสามประสบ คือแม่น้ำสามสายไหลมารวมกัน คือ แม่น้ำรันตี มาจาก ทุ่งใหญ่นเรศวร
แม่น้ำบีคลี่ มาจาก ลำห้วยหลายสายทางตะวันออก ของสังขละ
แม่น้ำซองกาเลีย มาจาก ประเทศพม่า

วัดใต้น้ำ คือวัดเก่าของหลวงพ่อ อุตมะ และชาวมอญ ร่วมใจกันสร้างขึ้น แต่เมื่อมีการสร้างเขื่อนวิชราลงกรณ์ จึงได้ย้ายวัดไปสร้างใหม่ ณ ที่ปัจจุบัน และ ใช้ชื่อว่า วัดวังก์วิเวการาม หลวงพ่ออุตมะ เดิมชื่อ เอหม่อง เป็นชาวมอญโดยกำเนิด ได้ฉายาว่า อุตตมะรัมโภ แปลว่า ผู้มีความเพียรสูงสุด 

ของซื้อของฝาก
แป้งซะนะคา ( แป้งทาหน้าที่ชาวมอญ และ พม่านิยมใช้),พลอยพม่า ,ไม้แกะสลัก,เฟอร์นิเจอร์,ผ้าซิ่นชาวมอญ หาซื้อบริเวณตลาด หน้าเจดีย์พุทธคยาจำลอง วัดวังก์วิเวการาม

อาหารน่าชิม อาหารจำพวกปลา ปลารากกล้วยทอด ,ปลาสูบต้มยำ,ปลากดต้มยำ,ปลาคังลวกจิ้ม,ปลาแรดราดพริก

 
   
บริษัท ศูนย์ท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา ( ศ.ท.ศ.) จำกัด  ใบอนุญาตเลขที่ 11/623
Education Tour Centre (S.T.S.) Company Limited  T.A.T. License 11/623
221/1-2 Moo. 5 Srinakarin Rd. ,Somrong Nua ,Muang , Samutprakarn 10270 Thailand
Tel. (+662) 758 5035 - 8  Fax.
(+662) 758 6296